สตาร์ทอัพและ SME ในเอเชียใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

ธุรกิจขนาดเล็กในปัจจุบันหันมาใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกอันแสนน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในราคาที่เอื้อมถึงได้ การปรับปรุงการคมนาคมในเมืองที่แออัด หรือการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางการหยุดชะงักของซัพพลายเชน ชุมชน SME (ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก) ยังคงใช้ประโยชน์จากโอกาสทางดิจิตอลที่เกิดจากโรคระบาด
 

ในเอเชีย บริษัท 4 แห่งที่นับเป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างคือผู้เข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขัน APAC FedEx Small Business Grant Contest (SBGC) ปี 2564 สตาร์ทอัพเหล่านี้กำลังช่วยเปลี่ยนแปลงโลกให้กลายเป็นโลกที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น และเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น

1. สิงคโปร์ - Us2.ai: การตรวจหัวใจจากทางไกล
Us2.ai ผู้ชนะการแข่งขัน SBGC 2564 ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสุขภาพหัวใจของผู้ป่วยได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกก็ตาม ซอฟต์แวร์นี้พัฒนาขึ้นโดยบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง MedTech โดยจดสิทธิบัตรและได้รับการอนุมัติจาก FDA เรียบร้อยแล้ว มีประโยชน์คือช่วยทำให้กระบวนการตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูงเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทำให้แม้แต่พยาบาลก็สามารถอ่านค่าจากสถานที่ที่ห่างไปแสนไกลได้

การตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูงแบบปกตินั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำหลายอย่างด้วยตนเอง โดยแพทย์โรคหัวใจต้องใช้เวลา 30 ถึง 40 นาทีในการประเมินค่าที่อ่านได้ ค่าที่ตรวจได้จึงมีความแปรผัน 20% ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ในจุดนี้เองที่ Us2.ai เข้ามามีส่วนช่วยให้การต่อสู้กับโรคหัวใจเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูงที่มีคุณภาพสูง เสถียร และราคาไม่แพงได้

ขณะนี้บริษัทกำลังทำงานเพื่อให้บริการในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต “การนำซอฟต์แวร์ของเราไปใช้กับอุปกรณ์จริงจะช่วยให้เราเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ บนโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง และเรากำลังทำการศึกษานำร่องอยู่ในขณะนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ผลในทางปฏิบัติ” Carolyn Lam ผู้ร่วมก่อตั้ง Us2.ai กล่าว
 

2. สิงคโปร์ - Nalagenetics: ทำให้การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบสวอบให้เจ็บปวดน้อยลง
โซลูชั่นใหม่จากบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Nalagenetics พยายามทำให้การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบสวอบเป็นเรื่องที่เจ็บปวดน้อยลงมาก ผลิตภัณฑ์ของบริษัท QuickSpit คือการทดสอบ PCR ซึ่งใช้เพียงตัวอย่างจากน้ำลาย ทำให้รบกวนผู้ป่วยน้อยลง แต่ก็ไม่ได้ลดความแม่นยำลง

บริษัท MedTech ได้นำชุดทดสอบมาใช้ครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อนในอินโดนีเซียเพื่อต่อสู้กับโรคเรื้อน แม้ว่าอาการเจ็บป่วยมักไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ยาที่ใช้รักษาอาจส่งผลถึงชีวิตได้ ชุดทดสอบช่วยให้มั่นใจว่ายามีความปลอดภัยต่อกรรมพันธุ์ของแต่ละบุคคล

“เราพัฒนา QuickSpit ขึ้นมาเนื่องจากเราเห็นว่าการทดสอบมีความสำคัญมากต่อคนกลุ่มนี้ (เช่น เด็ก และผู้สูงอายุ) ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากกับการทดสอบแบบสวอบ ดังนั้น QuickSpit จึงใช้ตัวอย่างกลุ่มเดียวที่มาจากน้ำลายเป็นหลัก แล้วส่งตรงไปยังขั้นตอน PCR ต่อโดยไม่ต้องผ่านการสกัด” Levana Sani ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้กล่าว
 

3. เกาหลีใต้ - Miso: ทำให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่าย
บริษัท Miso ของเกาหลีใต้ได้พัฒนาแอพที่จับคู่พนักงานทำความสะอาดกับงานทำความสะอาดบ้านได้มากกว่า 115,000 คน บริการนี้ทำให้ครอบครัวที่มีงานยุ่งในเกาหลีใต้หาบริการรับทำความสะอาดได้สะดวกสบายมากขึ้น นำความสะอาดและความสุขมาสู่ครัวเรือนทั่วประเทศ

“เหตุผลที่ผมสนใจงานด้านนี้เพราะส่วนตัวแล้วผมชอบความสะอาด แต่ไม่ชอบทำความสะอาด นี่จึงเป็นบริการที่ผมรู้สึกว่าสามารถใช้เองได้ในฐานะลูกค้า ซึ่งตัวผมเองนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างการบริการ” Victor Ching ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของ Miso กล่าว

โซลูชั่นนี้ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการหางานให้กับพนักงานทำความสะอาดอีกด้วย ในปัจจุบันพนักงานทำความสะอาดในเกาหลีใต้ต้องไปที่บริษัทตัวแทนทุกเช้าเพื่อรอให้บริษัทส่งไปหาลูกค้า เมื่อบริหารจัดการแบบนี้ พนักงานทำความสะอาดอาจเสียเวลาทั้งวันอยู่ในห้องรอนั้นโดยไม่ได้รับคำสั่งเลย เมื่อใช้ Miso พนักงานทำความสะอาดสามารถเปิดแอพและเลือกงานที่เหมาะกับตนเองได้เลย
 

4. ฟิลิปปินส์ - Kalibrr: ปฏิรูปการหางาน
Kalibrr สร้างความสั่นสะเทือนในอุตสาหกรรมการจัดหางานโดยเปลี่ยนวิธีที่ผู้หางานตามหางานในฝันและวิธีที่บริษัทสรรหาผู้มีความสามารถ

แม้ว่าแพลตฟอร์มการหางานออนไลน์จะมีมาเป็นเวลานานแล้ว แต่บริษัทสตาร์ทอัพเจ้านี้ก็พยายามเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการไปโดยสิ้นเชิง แทนที่จะต้องหางาน Kalibrr ใช้อัลกอริทึมในการแนะนำและจับคู่ผู้หางานกับตำแหน่งว่างที่เหมาะสมกับแต่ละคนที่สุด

โดยเป็นอัลกอริทึมเดียวกับที่ใช้ในการแนะนำเพลง ภาพยนตร์ และเนื้อหาแก่ผู้บริโภค ความแตกต่างคือ Kalibrr จะแนะนำงานและอาชีพที่อัลกอริทึมคิดว่าอาจเป็นงานที่ผู้หางานสนใจ

“เรารู้สึกว่าการหางานแบบดั้งเดิมกลายเป็นการจำกัดตัวเองอย่างมาก สุดท้ายผู้คนก็มักจะค้นหาแค่สิ่งที่ตนเองรู้จัก แต่จริงๆ แล้วมีงานอยู่อีกมากมายที่คุณเลือกได้และควรมีพร้อมให้คุณเลือก” Paul Rivera ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ Kalibrr กล่าว

และเสริมว่า “งานเหล่านี้เป็นงานที่อาจเหมาะกับทักษะของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่รู้มาก่อนว่ามีงานพวกนี้อยู่ก็ตาม”
 

​สร้างความแตกต่างได้ไม่ว่าขนาดใด
บริษัทสุดยอดนวัตกรรมทั้งสี่นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าขนาดไม่ควรเป็นตัวจำกัดความสามารถในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ FedEx เชื่อมั่นอย่างมากในความสามารถของธุรกิจในการสร้างความแตกต่างโดยไม่ถูกจำกัดด้วยขนาดของธุรกิจ และให้การสนับสนุน SME และสตาร์ทอัพอย่างแข็งขัน

จริงๆ แล้ว ธุรกิจขนาดเล็กและระบบนิเวศของสตาร์ทอัพมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจะช่วยเร่งการฟื้นฟูในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ในฐานะผู้นำด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า FedEx สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยมีโซลูชั่นทางดิจิตอลมากมายสำหรับการจัดส่งแบบไร้การสัมผัส การขยายเครือข่าย การดำเนินพิธีการศุลกากรที่รวดเร็วขึ้น และอื่นๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานที่ FedEx ช่วยสนับสนุนชุมชน SME เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศและกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมและเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่ SME ในปัจจุบันสามารถสนับสนุนการเติบโตและการฟื้นตัวสู่อนาคตที่ทำกำไรได้นั้น สามารถไปที่ FedEx Business Insights

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกบน Forbes.com เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564