สี่ธุรกิจขนาดเล็กเชิงนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
สตาร์ทอัพดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้พัฒนาชีวิตคือแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความคล่องตัวในการซื้อทางออนไลน์หรือการเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่สำคัญ บริษัทที่สร้างแรงบันดาลใจสี่แห่งต่อไปนี้โดดเด่นในด้านความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตในยุค new normal โดยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน สร้างการเติบโตแบบทวีคูณ และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า
1. อินเดีย – GoKwik: ลดความซับซ้อนของตลาด เพิ่มการซื้อขายให้มากที่สุด ลดการคืนสินค้าให้น้อยที่สุด
GoKwik สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซที่คว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุดในปีนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2563 โดยมีภารกิจง่ายๆ เพียงประการเดียว นั่นคือการทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งเท่าเทียมกัน
Chirag Taneja ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ GoKwik กล่าวว่า “เมื่อเราประสบกับการระบาดใหญ่… ผู้บริโภคเริ่มซื้อสินค้า [ออนไลน์] โดยตรงจากเว็บไซต์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง [D2C]” เขาเสริมว่า ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์ออนไลน์ของลูกค้าไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องต่างๆ เช่น การเลือกสินค้า การชำระเงิน การคืนเงิน และการคืนสินค้า GoKwik สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยีและวิทยาการข้อมูล
ด้วยการใช้ประโยชน์จาก AI และซอฟต์แวร์เครื่องมือการเรียนรู้ GoKwik สามารถปรับปรุงขั้นตอนการชำระเงินออนไลน์ ลดการส่งคืนสินค้าโดยการแก้ไขที่อยู่โดยอัตโนมัติ และปรับปรุงอัตราการแปลงการชำระเงินโดยการปรับกระบวนการยืนยันคำสั่งซื้ออย่างละเอียด
จนถึงปัจจุบัน ระบบดังกล่าวได้ถูกใช้งานโดยผู้ค้ามากกว่า 500 ราย และมีส่วนร่วมกับผู้สั่งสินค้ากว่า 80 ล้านคนในอินเดีย ซึ่งสร้างมูลค่าสินค้ารวมมากกว่า 1000,000,000 US$ ปัจจุบันนี้ บริษัทว่าจ้างพนักงานมากกว่า 150 คนที่ทำงานทางไกลจาก 47 เมืองในอินเดีย กำลังดำเนินการเพื่อขยายการจัดจำหน่ายไปทั่วโลกในอีกห้าปีข้างหน้า
2. จีน – magAssist: การช่วยชีวิตด้วยอวัยวะเทียม
magAssist บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย เช่น เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าหัวใจเทียม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีชื่อว่า MoyoAssist และทำหน้าที่เป็นหัวใจนอกร่างกายมนุษย์ ซึ่งช่วยชีวิตผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นวิกฤต โดย MoyoAssist ใช้เทคโนโลยีการลอยด้วยแม่เหล็กและแบบจำลองการคำนวณเพื่อให้แน่ใจว่าเลือดไหลเวียนเพียงพอและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
“MoyoAssist เป็นผลิตภัณฑ์แรกของเรา และยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิก” Hsu Po-Lin ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ magAssist กล่าว “เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งนานาชาติของเราซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ในฐานะสตาร์ทอัพอย่าง magAssist สามารถดำเนินการจัดการได้อย่างรวดเร็วมาก... และเราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ในผลิตภัณฑ์ได้”
MoyoAssist ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วจากสถานการณ์จริง ในเดือนมิถุนายน โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลชานซีของจีนใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการช็อกจากหัวใจได้สำเร็จ ในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปี 2564 อุปกรณ์นี้ยังถูกใช้เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่กำลังรอการผ่าตัดหัวใจอีกด้วย
3. อินโดนีเซีย – Kargo: Uber สำหรับรถบรรทุก
Kargo Technologies ซึ่งตั้งอยู่ในอินโดนีเซียกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 บริษัทได้นำรถบรรทุก 80,000 คันและผู้ส่ง 30,000 รายทำงานบนแพลตฟอร์มดิจิตอล ซึ่งเชื่อมโยงผู้ส่งกับการขนส่งและเจ้าของรถบรรทุก และแม้ว่ารถบรรทุก 80,000 คันอาจฟังดูเหมือนจำนวนมาก แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของจำนวนรถบรรทุกทั้งหมดในอินโดนีเซีย ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Tiger Fang เผย
ในอินโดนีเซีย บริษัทได้สร้างชื่อเสียงในฐานะ “Uber สำหรับรถบรรทุก” ซึ่งอันที่จริง ทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Kargo ยังมีส่วนร่วมในการก่อตั้ง Uber ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2555 ด้วยเช่นกัน แม้จะมีความทับซ้อนกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ Fang ก็ให้ความมั่นใจได้อย่างรวดเร็วว่าการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และการคัดลอกโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะมาจากสหรัฐฯ จีน หรืออินเดีย ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่น
“มีหัวและท้ายรถบรรทุกที่แตกต่างกัน 26 แบบที่ใช้โดยบริษัทและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่นี่” Fang อธิบาย “เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถบรรทุกที่เหมาะสมจะส่งไปยังลูกค้าที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม และในราคาที่เหมาะสม”
ในอีกห้าปีข้างหน้า Kargo ตั้งเป้าที่จะนำรถบรรทุกหนึ่งล้านคันมาใช้บนแพลตฟอร์ม “รถบรรทุกจะยังคงถูกใช้ต่อไปอีกร้อยปีข้างหน้าเพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าและขนส่งสินค้าทั่วประเทศอินโดนีเซีย” Fang กล่าวเสริม “และเราหวังว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลและระบบปฏิบัติการสำหรับการเคลื่อนย้ายสินค้าในประเทศนี้”
4. สิงคโปร์ – Homage: แพลตฟอร์มดิจิตอลสำหรับผู้ดูแล พยาบาล และแพทย์
Homage เป็นแพลตฟอร์มบริการด้านสุขภาพที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุได้รับการสนับสนุนทางการแพทย์ที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัวผ่านเครือข่ายผู้ดูแล พยาบาล นักบำบัด และแพทย์ที่มีใบอนุญาตมากกว่า 15,000 คน
ปัจจุบัน Homage ดำเนินงานในแปดเมือง และบริการต่างๆ ที่ให้บริการ ได้แก่ การปรึกษาแพทย์ การช่วยเหลือในการดำรงชีวิตในบ้าน การฟื้นฟู และการรักษาเฉพาะทางสำหรับอาการต่างๆ เช่น โรคพาร์กินสันและภาวะสมองเสื่อม
“ปัจจุบัน เราเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รวมการวางแผนการดูแลส่วนบุคคลเข้ากับการจับคู่การดูแลและการส่งมอบบริการ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการชำระเงินแบบดิจิตอลและผสานรวมกับโรงพยาบาลและผู้ให้บริการภาครัฐ” Gillian Tee ผู้ก่อตั้งและซีอีโออธิบาย “การผสานรวมการส่งมอบบริการเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ร่วมกับกลุ่มผู้ดูแลที่ใหญ่ที่สุด จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเป็นผู้นำประเภทในด้านการดูแลระยะยาว”
ทั้งนี้ แผนระยะเวลาห้าปีของ Tee สำหรับสตาร์ทอัพ ได้แก่ การขยายกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลให้ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และขยายขอบเขตการดำเนินงานใน 10 เมือง
การสนับสนุนสตาร์ทอัพเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะผู้สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพมายาวนาน FedEx เข้าใจได้ทันทีว่าการค้าระหว่างประเทศขับเคลื่อนโดยธุรกิจขนาดเล็กมากเพียงใด และเหตุใดสตาร์ทอัพที่น่าจับตามองจะได้รับการสนับสนุนและทรัพยากรตามความต้องการจึงมีความสำคัญ
สำหรับการชนะรางวัลสูงสุดในการประกวด FedEx Asia Pacific Small Business Grant Contest ประจำปี 2565 GoKwik ได้รับรางวัลเงินสด 30,000 US$ จาก FedEx Express ในขณะที่แต่ละบริษัทที่เหลือได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษพร้อมกับรางวัลเงินสด 13,000 US$
“ผู้ประกอบการเหล่านี้กำลังกำหนดอนาคตของธุรกิจ” Kawal Preet ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) แห่ง FedEx Express กล่าว “ที่ผ่านมา เราได้เห็นผู้ชนะการแข่งขันของเรายกระดับธุรกิจไปอีกขั้นด้วยความช่วยเหลือจากเงินสนับสนุนของ FedEx นั่นคือสิ่งที่เราหลงใหลในการมอบทรัพยากร เครื่องมือ และโซลูชั่นที่เหมาะสมตามต้องการให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่ยังคงเป็นที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้เพื่อช่วยเร่งธุรกิจของพวกเขาในเวทีระดับโลก”
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกบน Forbes.com เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565