หากคุณกำลังขยายธุรกิจของคุณไปสู่ตลาดอื่นๆ คุณจะต้องกำหนดทิศทางเพื่อรับมือกับข้อกำหนดและความท้าทายใหม่ๆ ของตลาด

มอบโอกาสที่ดีที่สุดให้ธุรกิจขนาดเล็กของคุณประสบความสำเร็จด้วยการสร้างแผนการขยายธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยแผนนี้ควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ รวมถึงตัวเลือกตลาดของคุณ ต้นทุนในการเติบโต และแม้กระทั่งงบประมาณด้านการตลาด

นี่คือ 6 คำถามตั้งต้นขณะที่คุณสร้างแผนของคุณเอง

1. คุณควรกำหนดเป้าหมายของตลาดใดบ้าง
เมื่อคุณเลือกตลาดเป้าหมายจะต้องพิจารณาปัจจัยสนับสนุนต่างๆ มากมาย หรือถ้าหากคุณกำลังขยายธุรกิจระหว่างประเทศก็จะรวมถึงการทำงานร่วมกับคู่ค้าภายในพื้นที่ เพื่อเลือกโซลูชั่นการจัดส่งหรือแพลตฟอร์มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสม

เหนือสิ่งอื่นใด ให้ค้นหาตลาดที่คุณได้ระบุกลุ่มลูกค้าที่อาจสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

2. คุณจะต้องปรับผลิตภัณฑ์และแนวทางการตลาดให้เหมาะสมด้วยหรือไม่
การขยายธุรกิจจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้น เมื่อคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่แล้วมากนัก ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถแสดงจุดยืนผลิตภัณฑ์ของคุณให้แตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้ แต่ในทางกลับกัน จุดยืนนี้ควรผนวกรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจของคุณ เนื่องจากจะช่วยในการตัดสินใจและเลือกลงทุนในภายหลัง

เหตุผลที่ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างในตลาดต่างๆ มีอยู่มากมายหลายประการ ดังนั้นขณะสร้างแผนการตลาดของคุณ ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า การส่งข้อความหนึ่งในตลาดหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกตลาดหนึ่ง

แล้วจะสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการในตลาดแห่งใหม่ได้อย่างไร คุณสามารถทำได้โดยพิจารณาถึงความต้องการจำเพาะของผู้ซื้อในภูมิภาคนั้นๆ และสร้างจุดยืนผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้อง อีกทั้งคุณต้องมั่นใจว่าปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่ สี คุณสมบัติ ไปจนถึงแม้กระทั่งการตั้งราคาอิงคู่แข่งได้พิจารณาไว้รองรับตลาดที่เจาะจง

3. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องหรือไม่
หากคุณกำลังใช้แพลตฟอร์มธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ คุณอาจต้องอัพเดทระบบเพื่อให้สามารถทำกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงด้านโลจิสติกส์ และอื่นๆ อีกมากมาย การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ จำเป็นต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รายการผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนของค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะช่วยให้คุณคาดการณ์ถึงอัตราผลกำไรได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะต้องปรับราคาหรือไม่

ค่าใช้จ่ายประเภทใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ ค่าใช้จ่ายจะมีตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับผู้จัดจำหน่าย สัญญาเช่าคลังสินค้า และพนักงาน วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ยุ่งยากคือ การทำงานร่วมกับผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีชื่อเสียงอย่าง FedEx เนื่องจากคุณวางใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของคุณจะไปสู่ตลาดแห่งใหม่โดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้าด้วยบริการการจัดการจัดส่งและส่งมอบที่น่าเชื่อถือ

4. ใครคือคู่แข่งของคุณในตลาดใหม่เหล่านี้
การศึกษาค้นคว้าทางออนไลน์สามารถแสดงให้คุณเห็นธุรกิจต่างๆ ที่กำลังจัดหาสินค้าไปยังตลาดเหล่านั้นในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบสินค้า ราคา และการกำหนดตำแหน่งได้ โดยข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณวางแผนวิธีกำหนดตำแหน่งสินค้าของคุณให้มีศักยภาพในการแข่งขันได้

5. มีตัวเลือกการจัดส่งอะไรบ้างในตลาดเหล่านั้น
ตัวเลือกการจัดส่งและบริการที่มีอยู่ของคุณอาจจำเป็นต้องเสริมเพิ่มเติมด้วยตัวเลือกอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าใหม่มีตัวเลือกด้านความเร็ว ราคา และการส่งคืนตามต้องการ คุณอาจพิจารณาใช้บริการต่างๆ ร่วมกัน เช่น การใช้ประโยชน์จากทั้งบริการ FedEx Express และ FedEx Logistics วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดส่งไปยังสถานที่รับฝากในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการส่งมอบทั้งหมดได้โดยไม่กระทบต่อความน่าเชื่อถือ 

รับข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศของเรา

6. คุณจำเป็นต้องรู้กฎระเบียบและข้อบังคับใหม่อะไรบ้าง
การข้ามพรมแดนไปสู่ตลาดใหม่ๆ หมายความว่าธุรกิจของคุณจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับทางศุลกากรแบบใหม่ นอกจากนี้ คุณยังจะต้องเผชิญกับข้อกำหนดด้านภาษี ข้อจำกัดสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่าง และกฎระเบียบอื่นๆ ในรูปแบบใหม่ที่อาจกำหนดให้ต้องปรับกลยุทธ์ตามปกติของคุณให้เหมาะสม

สามารถดูข้อมูลเสริมเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อบังคับเหล่านี้ได้ที่ FedEx^® Global Trade Manager และศูนย์จัดเตรียมเอกสาร

สิ่งที่ต้องเรียนรู้: วางแผนล่วงหน้า
การขยายธุรกิจในต่างประเทศหรือเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ อาจส่งผลให้ธุรกิจของคุณอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คู่ค้าด้านโลจิสติกส์ที่เหมาะสมและแผนขยายธุรกิจที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถนำธุรกิจขนาดเล็กของคุณเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้อย่างมั่นใจ